ผู้ตั้งกระทู้ : Rambo_Thai | ตั้งกระทู้เมื่อ : 11 ธ.ค. 58 - 09:41:29 | รายละเอียด
พระพุทธชินราช กรุบึงสามพัน เนื้อชินเงิน ตลับเงินสั่งทำพิเศษ แห้งเก่า หลังลายผ้า สวย คมชัดลึก หน้าพระพักต์ พระขนง พระเนตร พระโอษฐ์ พระเศียรทรงสูงแหลมแบบศิลปสุโขทัย มีเม็ดพระศก ติดชัดเจนมาก สังฆาฏิชัดเจนเห็นเป็นเส้นแนวริ้วๆ มี เส้นขอบจีวร ตัดที่พระอุระเป็นแนวอย่างชัดเจนสวยงามมาก พระหนา 4 ม.ม.มีน้ำหนัก พร้อมเลี่ยมเงินเก่าช่างฝีมือโบราญ ยืนยันว่าเป็นเงิน ด้านหลังเห็นขอบแดงๆ แต่เนื้อในสีขาวเป็นเงินครับ พระพุทธชินราช กรุบึงสามพัน มีพระพุทธลักษณะ จะเป็นพระปางมารวิชัย ประทับนั่งบนบัวคว่ำบัวหงายภายในซุ้มเรือนแก้วเป็น เส้นรอบ องค์พระ ลักษณะบัวนั้นโดยทั่วไปเรียกบัวก้างปลา สำหรับเส้นซุ้มเรือนแก้ว นั้นน่าจะถอดเค้ามาจากซุ้มเรือนแก้ว ละม้ายกับ องค์หลวงพ่อพุทธชินราชมาก แต่ก็มีอิทธิพลของศิลปยุคอู่ทองผสมสุโขทัยอยู่ด้วย คือพระกร พระพาหา อ่อนช้อยสวยงามมาก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่งของพระเครื่อง กรุบึงสามพันนี้ ชาวบ้านโดยทั่วไปเชื่อว่า พระบึงสามพันนี้ ก็คือพระพุทธชินราชนั่นเอง โดยผู้สร้างได้ประยุกต์ออกแบบเอาศิลปในยุคสุโขทัย + ยุคอู่ทอง มาผนวกกันเข้าไว้ สำหรับ พระพุทธชินราช กรุบึงสามพัน เนื้อชินเงิน หลังลายผ้า สวยๆ คมชัดลึก แบบองค์นี้ ผมเชื่อว่าไม่เคยมีใคร ได้พบเห็น ที่ใดๆ มาก่อน พระพุทธชินราช กรุบึงสามพัน เนื้อชินเงิน หลังลายผ้า สวยๆ หน้าตา เส้นสายต่าง คมชัดลึก องค์นี้ กล้าบอกได้เลยว่า หนึ่งเดียวในโลก ครับ ฝากโชว์อย่างเดียว ให้ชมกันเพื่อการศึกษา ใครมีแบบนี้ ก็โชว์มาได้เลย ครับ.......
พระบึงสามพันเป็นพระกรุเก่าที่รู้จักกันมาเนิ่นนานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการพระเครื่อง ชื่อเสียงเรียงนามด้วยความคงกระพันชาตรีนั้นกระฉ่อนมานานเต็มที่ ถ้าจะเปรียบเป็นนักเลงแล้วก็หาตัวเทียบยาก บารมีแผ่กว้างไปไกลหลาย ๆ บางทีเดียว นักเลงหน้าใหม่กระจอกงอกง่อย อือฮือไม่ขึ้น ยากที่ใครจะดับรัศมีลงได้ นักสะสมพระเครื่องรุ่นเก่ารู้จักพระกรุนี้ดี นักสะสมรุ่นใหม่ก็ไม่ควรจะมองข้ามความสำคัญของพระกรุนี้ไปเสีย และถ้าหากใครก็ตามที่ได้ทุ่มตัวเข้าสู่วงการพระเครื่องแล้ว และไม่รู้จักพิมพ์นี้ก็เห็นทีจะต้องใช้เวลาอีกมาก กว่าจะเดินยืดอกอย่างสง่าผ่าเผยในสนามได้ ผู้เขียนเองเคยได้สนทนากับนักเลงพระอาวุโสผู้หนึ่งถึงเรื่องพุทธานุภาพของพระกรุนี้ คุณลุงผู้นั้นกล่าวยืนยันเต็มปากเต็มคำว่า \\\\\\\"เรื่องหนังเหนียวละก็ยกให้พระบึงสามพันเขาไป พระกรุอื่นที่ว่าเหนียว ๆ นั้น ลองเอามายืนซัดกันสักตั้งปะไร ดูทีว่าใครจะแน่กว่ากัน\\\\\\\" ก็เห็นจะไม่เป็นที่สงสัยละว่า ทำไม? คนเก่า คนแก่จึ งยกย่องพระกรุนี้กันนักกันหนา
ท่านผู้อ่านอาจจะข้องใจว่า เอ! เมื่อพระกรุนี้ดังจริง แน่จริง ทำไม ? ไม่มีใครเขาเอามาแขวนกันให้ดาษดื่นกันละ ในข้อนี้ ถ้าท่านรู้จักพระพิมพ์นี้จริง ก็เห็นจะหาคำตอบไม่ได้ยากนัก เพราะความนิยมในการพก, ห้อย, หรือแขวนพระเครื่องติดตัวนั้นย่อมขึ้นอยู่กับขนาดขององค์พระ ความงดงามในพุทธศิลป์ และน้ำหนัก เป็นประการสำคัญ ส่วนพุทธคุณนั้นแม้จะเป็นแกนกลาง ในการพิจารณาก็ตาม แต่ปัจจัยต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว ย่อมมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้อยู่มาก เมื่อพระบึงสามพันมีขนาดค่อนข้างเขื่อง ถึงแม้จะมีชื่อเสียงประสบการณ์ เรื่องหนังเหนียว อยู่ยงคงกะพัน มากก็ตาม ความนิยมในการพกพาก็ย่อมลดลงเป็นธรรมดา นอกเสียจากผู้นิยมที่ศรัทธาแรงกล้าจริง ๆ และเขาก็จะไม่ยอมปลดออกจากคอเช่นกัน
ได้มีปรมาจารย์พระเครื่องหลายท่านได้เขียนเรื่องราว เกี่ยวกับพระกรุนี้ไว้ และระบุว่าพระบึงสามพัน เป็นพระเครื่องของจังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรไว้อีก บ้างก็ว่าเป็นพระเมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งอำเภอบึงสามพัน อยู่ใน จ.เพชรบูรณ์ บ้างก็ว่าเป็นพระเมืองพิษณุโลก เพราะพระพุทธลักษณะเหมือน หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธชินราช ทั้งที่ผู้เขียนทราบดีว่า พระพิมพ์นี้แบบนี้ เป็นพระเครื่องของเมืองพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ 100% แต่ ก็ต้องพิจารณาหาหลักฐานกันก่อนว่า ทำไม จึงมีผู้ระบุไว้เช่นนั้น ผู้เขียนได้พยายามศึกษาหนังสือเกี่ยวกับพระกรุต่าง ๆ ของจังหวัดสุพรรณบุรี ก็ไม่มีผู้ใดเขียนยืนยันไว้ ฉะนั้นความเข้าใจใน เรื่องแหล่งต้นกำเนิดของพระพิมพ์นี้อาจคลาดเคลื่อนไปก็เป็นไปได้ ครับ
ทำไม? พระพิมพ์นี้จึงมีชื่อว่า พระบึงสามพัน นี่ก็เป็นปัญหาที่จะต้องศึกษากัน ตามความเข้าใจโดยทั่วไปนั้นพระกรุเก่าที่ไม่มีผู้ใดทราบประวัติความเป็นมานั้น เมื่อถูกขุดค้นพบ ณ. ที่ใดก็มักจะขนานนาม สถานที่หรือชื่อของบริเวณนั้น ๆ แทนชื่อพระ พระบึงสามพัน ก็อาจถูกขนานนามตามนัย ดังกล่าวนี้เช่นกัน แต่เราต้องมาพิจารณาดูอีกว่า บึงสามพันนี้ เป็นชื่อหนึ่งชื่อใด ของสถานที่ใดใ นเขตจังหวัดสุพรรณบุรี หรือเปล่า ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่า คงไม่มีสถานที่ใดชื่อเช่นนี้แน่ จะมีก็แต่ชื่อแม่น้ำเก่าในประวัติศาสตร์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่ความคล้ายคลึงจะถือว่าเป็นข้อยุติว่า เหมือนกันนั้นไม่ได้ อาจจะเป็นคนละเรื่องคนละราวไปเลยก็ได้ และถ้าสถานที่นี้ไม่มีในเขตจังหวัดสุพรรณบุรีและไม่มีใครสามารถยืนยันการขุดค้นพบได้ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ก็น่าจะเป็นข้อยุติได้ว่าพระพิมพ์นี้มิใช่พระเครื่องของจังหวัดสุพรรณบุรีอย่างแน่นอน เท่าที่ทราบพระเครื่องพิมพ์นี้ ได้ถูกขุดพบใน วัดร้างชื่อ วัดบึงสามพัน ปัจจุบันใช้ชื่อว่า วัดบึงสัมพันธ์ เขตเมืองพิชัยก่อน และเป็นเวลานานมาแล้ว เนื้อพระส่วนใหญ่เป็นเนื้อกระเบื้องสีแดง มีความแกร่งมาก ด้านหลังขององค์พระมักจะแบนราบและมีรอยลายมือกดตอนพิมพ์พระปรากฏอยู่ ส่วนที่ปรากฏเป็นรอยกาบหมากหรือรอยตอกกดประทับลึกเป็นร่องนั้นมีน้อย อย่างไรก็ตาม ประวัติการขุดค้นพระบึงสามพันที่อำเภอพิชัยนี้ ผู้เขียนขอรับว่าไม่ทราบรายละเอียดเท่าที่ควร เพราะไม่มีโอกาสได้เดินทางไปศึกษากับผู้รู้ในท้องถิ่น แต่ก็เป็นที่ยืนยันได้แน่ชัดว่า พระพิมพ์กรุนี้ วงการพระเครื่องรู้จักมาไม่ต่ำกว่า 50-60 ปีแล้ว
ประมาณปี พ.ศ. 2498 ก็ได้มีชาวบ้านขุดพบพระเครื่องพิมพ์นี้อีก ตามประวัตินั้น ชาวบ้านเป็นผู้ขุดพบ โดยได้รับคำบอกเล่าตามความฝัน การขุดพบครั้งนี้นับว่าได้พระเป็นจำนวนมาก ประมาณกันว่ามีมากถึง 2 โอ่งแดงใหญ่ ปริมาณก็คงจะมีจำนวนนับหมื่น และเหตุการณ์ที่คนทั่วไปจำได้แน่นอนก็คือ ผู้ขุดได้นำพระเครื่องกรุนี้ใส่บุ้งกี๋มาเร่ขายที่สถานีรถไฟพิชัย ในราคาองค์ละ 5 บาท ใครสนใจมาเลือกได้ตามใจชอบ
พระที่ถูกพบครั้งหลังนี้เป็นของวัดพญาแมน หรือวัดพญาปันแดนในปัจจุบัน ในเขตบ้านโคน อำเภอพิชัย เนื้อพระมีหลายประเภท ส่วนใหญ่เป็นเนื้อดินเผาผสมว่าน ลักษณะองค์พระจะหนาด้านหลังจะอูมเป็นหลังเต่า เนื้อพระกรุนี้ค่อนข้างจะหยาบและยุ่ย ไม่แข็งแกร่งเหมือนกรุวัดบึงสามพัน ในเขตอำเภอพิชัย
พระบึงสามพันนี้มีหลายขนาดและหลายพิมพ์ ส่วนใหญ่จะเป็นพระปางมารวิชัย ประทับนั่งบนบัวคว่ำบัวหงายภายในซุ้มเส้นรอบองค์ ลักษณะบัวนั้นโดยทั่วไปเรียกบัวก้างปลา สำหรับเส้นซุ้มนั้นน่าจะถอดเค้ามาจากซุ้มเรือนละม้ายกับองค์หลวงพ่อพุทธชินราชมาก แต่ก็มีอิทธิพลของศิลปยุคอู่ทองผสมอยู่ด้วย คือพระพาหาอ่อนช้อย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่งของพระเครื่องในยุคนี้ ชาวบ้านโดยทั่วไปเชื่อว่า พระบึงสามพันนี้ก็คือพระพุทธชินราชนั่นเอง โดยผู้สร้างได้ประยุกต์เอาศิลปในยุคต่อ ๆ มาผนวกเข้าไว้
เป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า พระเครื่องต่าง ๆ ที่มีเส้นคู่ปรากฏอยู่ด้วยกัน มักจะอยู่ทางพิษณุโลก และบริเวณใกล้เคียงเป็นส่วนมาก ทำนองประยุกต์ให้เข้ากันแบบอย่างของหลวงพ่อพุทธชินราชก็เป็นได้ ตัวอย่างเช่น พระซุ้มเส้นคู่ กรุวัดโพธิ์ฯ (โรงทอฯ) พระเครื่องบางพิมพ์จากกรุวัดเขาสมอแครง เหล่านี้เป็นต้น
ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดเข้าใจอีกประการหนึ่งว่า พระบึงสามพันนี้มิได้มีเฉพาะพิมพ์บนฐานบัวในซุ้มเส้นคู่เท่านั้น แต่ยังมีพิมพ์อื่น ๆ รวมอยู่ด้วย เช่น ปางลีลาเนื้อดินเผา และนางสามพี่น้องเนื้อดินเผา แต่พระปางลีลานั้นคนนิยมกันมากและออกจะหายากกว่าพิมพ์อื่น ๆ
พระสามพี่น้องนั้นมิได้ถูกพบที่กรุนี้กรุเดียว ในเขตจังหวัดพิษณุโลก กำแพงเพชร และสุโขทัยก็มีการขุดพบด้วยเหมือนกัน แต่พระนางสามพี่น้องของกรุวัดพญาแมนนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วเนื้อพระจะละเอียดมีความหนาและแกร่ง มีทั้งสีแดง และสีกลีบจำปา ไม่เหมือนกับเนื้อพระบึงสามพัน และพิมพ์ปางลีลาโดยทั่วไป ฉะนั้นถ้าท่านผู้อ่านพบพระพิมพ์นางสามพี่น้องที่ใดก็ขอได้โปรดพิจารณาความหนาขององค์พระด้วย ถ้าองค์บาง ๆ ละก็คงจะเป็นพระของกรุอื่นแน่ เพราะพระพิมพ์กรุนี้องค์หนาเกือบ 1 ซม. ทีเดียว
พระพุทธคุณ พุทธานุภาพของพระเครื่องกรุนี้นั้น น่าทึ่งมากมาตั้งแต่สมัยที่พระกรุนี้ขุดขึ้นใหม่ ๆ พระบึงสามพันเป็นพระกรุที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งกรุหนึ่ง นักสะสมพระเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ก็คงพอจะเสาะหาไว้ใช้ได้ไม่ยาก สนนราคาก็ไม่แพงเลย ส่วนพุทธาคุณนั้นโด่งดังเหลือหลาย โดยเฉพาะในด้านคงกระพันชาตรี ปรากฏการณ์ต่างๆ มีมามากแล้ว ผู้ที่อยู่ในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก และสุโขทัย ย่อมตระหนักดีในเรื่องพุทธคุณของพระกรุนี้ เสือปล้นสมัยก่อนแขวน เดี่ยว พบเห็นที่ไหน เก็บไว้เถอะ ท่านมีแต่ได้กับได้ พระแท้ พระเก๊ ก็แยกแยะง่ายมาก อีกทั้งราคา ค่านิยมเรา ๆ ท่านๆ ยังพอหาเช่าได้โดย ไม่หนักใจ สำหรับพระบึงสามพันเนื้อดิน แต่ สำหรับ พระพุทธชินราช กรุบึงสามพัน เนื้อชินเงิน หลังลายผ้า องค์นี้ ไม่อาจประเมินค่าได้ ครับ |
|